Thursday, 18 April 2024

6 บทเรียนชีวิต ที่ไม่ต้องหาอ่านจากหนังสือเล่มไหน

28 Oct 2022
350
บทเรียนชีวิต

วันนี้เรา storymaker จะพาไปดูถึง 6 บทเรียนชีวิต ที่จะทําให้ชีวิตของเราดีขึ้น โดยที่เราไม่ต้องหาอ่านจากหนังสือเล่มไหน 6 บทเรียนนี้คือความจริงที่เราต้องเผชิญหน้ากันทุกคน ที่เราต้องเจอกันทุกช่วงชีวิต ซึ่งบทเรียนทั้ง 6 บทนี้จะมีอะไรกันบ้าง ลองติดตามอ่านกันในตอนนี้เลย

6 บทเรียนชีวิต

1. ชีวิตของเรานั้นพลิกผันได้ตลอดเวลา

เรื่องราวในชีวิตของเรา ณ ตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะมีความรู้สึกว่า ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าชีวิตของฉันในตอนนี้มันจะเป็นแบบนี้ ฉันไม่เคยคาดหวังอะไรแบบนี้เลย หรือตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะเป็นแบบนี้ หรือฉันมาทางนี้ได้อย่างไร? หลายเรื่องในชีวิตของเรามักจะเกิดขึ้นในแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว หรือบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นตามที่เราหวังไว้ บางทีมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปเลย หรือบางทีมันก็พาให้เรานั้นกลับไปยังจุดเริ่มต้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ใช้ชีวิตในทุกวันของเราอย่างรู้คุณค่า เตรียมพร้อมที่จะรับโอกาสดีๆที่จะเข้ามาและก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่อาจจะเข้ามาด้วย

อย่าเพียงมองแต่เรื่องร้ายๆในชีวิตว่ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นเลย เพราะทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามีอะไรบางอย่างแฝงอยู่เสมอ ในวันนี้เราอาจจะมองมันว่าเป็นเรื่องที่แย่ แต่ใครจะรู้ผลลัพธ์ได้อนาคตได้หละ อย่ายอมแพ้กับชีวิตหากเราเจอแต่เรื่องแย่ๆ หากเราไม่ยอมแพ้ สักวันเราจะทําให้มันดีขึ้นได้ และอีกอย่างที่สําคัญก็คือ อย่าหลงระเริงกับชีวิต ที่มันทําให้เรานั้นดีขึ้น อย่าขาดสติในการใช้ชีวิต รู้คุณค่าของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา มันไม่มีความแน่นอนในชีวิตนี้ เราไม่สามารถคาดเดาได้ทั้งหมด ชีวิตของเราเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ที่เราก็ไม่รู้หรอกว่า มันจะเป็นอย่างไร มันจะจบลงอย่างไร มันจะดีอย่างไร อย่าทิ้งขว้างชีวิตของเราไปเพียงเพราะเรื่องแย่ๆที่อาจจะเกิดขึ้น สิ่งสําคัญก็คือเราต้องเล่นไพ่ที่ชีวิตของเราจั่วมาให้ได้ และมีศรัทธาในตนเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม

2. ไม่เป็นไรที่เราจะรู้สึกแย่กับชีวิตในบางครั้ง

คนเราทุกคนไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบหรือเราทำอะไรก็ตามก็จะทำเสร็จตามที่เราหวังงไว้ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ในชีวิตย่อมมีที่ดีและแย่สลับกันไปอยู่เสมอ ไม่เป็นไรที่เราจะรู้สึกแย่ในบางครั้ง เพราะคนเรามีอารมณ์ความรู้สึก มีสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์ที่จะรู้สึก บางคนอาจจะบอกว่า มันไม่ดีน่ะกับการรู้สึกแย่ การรู้สึกแย่มันไม่ดีกับตัวเองน่ะ หรือแม้แต่กับการร้องไห้กับเรื่องแย่ๆ บางคนบอกฉันต้องไม่ร้องไห้ ฉันต้องเข้มแข็ง แต่การทําแบบนั้นมันยิ่งกลับทําให้เรานั้นแย่ลงกว่าเดิม

ในเรื่องนี้สิ่งที่เราอาจจะลองทําดูก็คือ การที่เรากล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ยอมให้ตัวเองรู้สึกแย่ๆ ตามที่หัวใจเรารู้สึก ไม่ต้องฝืนว่ามันดี ทั้งๆที่มันแย่ร้องไห้ออกมาบ้างหากเรารู้สึกอยากร้องไห้ การร้องไห้นั้นไม่ใช่ว่าเราเป็นคนที่อ่อนแอ แต่การที่คนๆหนึ่งกล้าร้องไห้ออกมานั่นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่จะแสดงออกทางอารมณ์ มันโอเคที่บางครั้งเราจะรู้สึกแย่ อ่อนแอหรือรู้สึกสงสัยในตัวเอง อย่าใจร้ายกับตัวเอง เราเป็นคนธรรมดาที่มีอารมณ์และความรู้สึกแต่เราก็ไม่ควรจมอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น จนทําให้ชีวิตของเราแย่ลง ยอมรับมันแต่ไม่ใช่ยอมจํานนให้มันกดเราลงให้มันมาทําลายชีวิตของเรา ยอมรับว่าเรื่องแย่ๆมันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเราที่จะสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นในวันข้างหน้า เพราะทุกความเจ็บปวด ย่อมมีบทเรียนเสมอ และหลังจากที่เราได้เรียนรู้บทเรียนเรื่องแย่ๆในชีวิตแล้ว สิ่งดีๆอาจจะรอเราอยู่ข้างหน้าก็เป็นได้

3. การกระทําเล็กเล็ก ดังกฎความคิดที่อยู่ในหัว

เชื่อว่าเราทุกคนต่างมีความคิดที่ว่าอยากให้ชีวิตของเราดีขึ้นในแบบนั้น อยากดีขึ้นในแบบนี้ อยากให้ตัวเองเป็นไปในทางนั้นทางนี้ เราต่างเสาะแสวงหาสิ่งดีๆไม่ว่าจะเป็นหนังสือดีๆ คนดีๆ ช่วงเวลาดีๆ หรือบทความดีๆ เราต่างเติมเต็มในส่วนที่เราคิดว่ามันขาดหายไปหรือบกพร่องอยู่ ความคิดดีๆสิ่งดีๆ ที่เราเอาให้ตัวเองทุกทุกวันมันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากปราศจากการกระทํา ก็เท่ากับว่า มันไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก หากเราอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มที่การกระทําเล็กๆของเราในวันนี้ อย่าไปกดดันตัวเองว่าฉันต้องเปลี่ยนในทันที แค่เริ่มจากการกระทำเล็กๆเหมือนกับเราปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วรอให้มันเติบโตขึ้น แต่ละวันเราต้องหมั่นรดน้ํา ใส่ปุ๋ยพรวนดิน ดูแลมันอย่างดี แล้วในอนาคต การกระทําเล็กๆของเราเหล่านี้ ก็จะให้ผลตอบแทนที่ดี

หากเรามีความคิดที่ดีแต่การกระทําของเรายังออกมาแย่ๆ ก็เหมือนเรากําลังหลอกตัวเอง โกหกตัวเอง ไม่ให้เกียรติตัวเอง การเปลี่ยนแปงตัวเองนั่นมันเริ่มที่ความคิดของเราขับเคลื่อนด้วยความศัทราแต่มันก็จะเห็นผลด้วยการลงมือทํา เมื่อเราเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ดีแล้ว ก็อย่าลืมเปลี่ยนการกระทําของเราด้วย เพราะทุกทุกวันการกระทําจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของเรา ให้ความสําคัญกับการกระทําเล็กๆ อย่าปล่อยให้มันเป็นแค่ความคิดที่อยู่ในหัว

4. ยิ่งเราไล่ล่าหาความสุข ยิ่งพบเจอแต่ความทุกข์

ความสุขในชีวิตเป็นเรื่องของเฉพาะแต่ละบุคคล เรามีนิยามของความสุขไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่านิยามความสุขของเราคืออะไร เราควรตระหนักเสมอว่า ยิ่งเราไล่ตามความสุข ความสุขก็ยิ่งหนีห่างเราออกไป ก็แปลกดีบางคนพยายามหลีกหนีความทุกข์ แต่กลับทุกข์มากยิ่งขึ้น แต่หากเรายอมรับกับความทุกข์นั้นกลับทำให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้น มันอาจจะดีซะกว่าหากเราเลิกหมกมุ่นกับตัวเอง ว่าฉันต้องมีความสุข ฉันต้องอย่างนั้นฉันต้องอย่างนี้ เลิกคาดหวังว่าชีวิตจะให้ความสุขกับเราอย่างไร แต่เราอาจจะบอกกับตัวเองว่า ฉันจะใช้ชีวิตนี้อย่างไรให้มีให้มีคุณค่าและมีความหมายที่ดี ความสุขที่แท้จริงของเรานั้น อาจจะไม่ได้เกิดจากภายนอกแต่อาจจะมาจากภายในจิตใจของเรา ความสุขอาจจะเป็นผลพลอยได้ จากการกระทําของเราที่เราทําให้กับชีวิตนี้อย่างมีคุณค่า

5. การมีเป้าหมายทําให้เราท้อได้เสมอ

คนเราต่างมีเป้าหมายในชีวิต แต่บางทีเราก็ต้องดูว่าเป้าหมายเหล่านั้นมันทําให้เราแย่ลงหรือเปล่า เป้าหมายบางทีอาจจะต้องอาศัยกระบวนการหลายอย่างที่จะทําให้มันเป็นจริง เอาเป้าหมายของเราเป็นเข็มทิศให้เราเดินไปยังทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เอามากดดันหรือลดทอนคุณค่าในตัวเรา อย่ามองแค่ว่าเมื่อไหร่ฉันจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ มันอาจจะทำให้เรานั้นสูญเสียกำลังใจได้แต่ให้เรามองว่า เราเดินมาไกลกว่าจุดที่เราเริ่มต้นได้ขนาดไหนแล้ว เราทําได้ไกลขนาดไหนแล้ว และหากเกิดความสับสนในระหว่างทาง ให้เรานึกถึงเหตุผลว่า ทําไมเราถึงตัดสินใจมาอยู่ ณ จุดจุดนี้ได้

การมีเป้าหมายหรือการตั้งเป้าหมาย มันอาจจะทําให้เรานั้นท้อแท้ได้เสมอ ความท้อแท้จะเข้ามาทดสอบเราอยู่ตลอดและความล้มเหลวก็เกิดขึ้นตามมาระหว่างทาง แต่เราควรกระตุ้นตัวเองด้วยการมองที่กระบวนการที่เรากําลังก้าวเดิน ไม่ใช่กดดันตัวเองเพียงเพราะเราไปไม่ถึงเป้าหมายนั้น เราต้องดูที่กระบวนการที่เราได้ทําสําเร็จไปในแต่ละก้าวไปในทุกๆวัน สิ่งเหล่านี้มันจะช่วยเสริมแรงใจให้กับเราได้ ดังนั้นอย่าหมกมุ่นแค่เป้าหมายที่เราต้องไปให้ถึงแต่ให้ใส่ใจในกระบวนการระหว่างทาง ณ ปัจจุบันที่เราต้องก้าวเดินไปทุกวันด้วย

6. เราไม่มีวันเข้าใจความจริง จนกว่าเราจะได้เจอความจริงนั้น

ในความเป็นจริงเราอาจจะพูดได้ว่าถ้อยคําในหนังสือต่างๆ ตําราเรียนต่างๆ คําบอกเล่า หรือแม้แต่กับประสบการณ์ของแต่ละคนที่เราต่างเรียนรู้มา ซึมซับมา มันอาจจะใช้ในชีวิตของเราไม่ได้ในชีวิตจริงและเราก็ไม่อาจมีทางเข้าใจเรื่องเรื่องหนึ่งได้อย่างแท้จริงเลย หากเรายังไม่เคยสัมผัสด้วยประสบการณ์ของตัวเองจริงๆ เราอาจจะไม่เข้าใจว่าความล้มเหลวมันเป็นอย่างไร จนกว่าเราจะได้เจอกับความล้มเหลวนั้น เราอาจจะไม่เข้าใจว่าความอดอยากที่แท้จริงเป็นอย่างไร หากเราไม่เคยได้ประสบกับตัวเอง เราอาจจะไม่เข้าใจว่าคนคนหนึ่งมีอาการหัวใจสลายกับเรื่องเรื่องหนึ่งได้อย่างไร หากเราไม่ได้เป็นคนคนนั้น เราอาจจะไม่ได้เข้าใจความกลัว หากเราไม่เคยได้สัมผัสกับความกลัวที่แท้จริง เราอาจจะไม่มีทางเข้าใจเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้ จนกว่าเราจะได้เรียนรู้จากมันจริงๆหรือเราอาจจะไม่มีวันเข้าใจเรื่องนั้นๆเลยก็ได้ และเมื่อเราได้รับบทเรียนใดก็ตามมาแล้วที่มันเข้ามาหาเรา เมื่อเราผ่านมันไปได้ ก็จะมีบทเรียนเรื่องอื่นที่รอเราอยู่เสมอ เพราะตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราก็จะได้เรียนรู้ทั้งชีวิต

นี่คือ 6 เรื่อง 6 บทเรียนที่จะย้ําเตือนให้สติ ความจริง และมอบความเข้มแข็งให้กับเรา บทเรียนที่จะบอกกับเราว่า ชีวิตของเรานั้น พลิกผันได้ตลอดเวลา มันไม่เป็นไรที่เราจะรู้สึกแย่กับชีวิตในบางครั้ง ให้ความสําคัญกับการกระทําเล็กๆ อย่าปล่อยให้มันเป็นแค่ความคิดที่อยู่ในหัว อย่าไล่ล่าตามหาแค่ความสุขเพราะยิ่งไล่ล่ามันเรากลับพบเจอแต่ความทุกข์ ทุกเป้าหมายในชีวิตของเรา จะตามมาด้วยความท้อแท้เสมอ แล้วเราจะไม่มีวันเข้าใจความจริง จนกว่าเราจะได้เจอความจริงนั้น ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราจะได้พบกับบทเรียนชีวิตอยู่เสมอ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราต้องไม่ยอมแพ้กับชีวิต

สนับสนุนบทความโดย :: 388goals