นักจิตบําบัดท่านหนึ่งได้มาแชร์ 3 วิธีบริหารจิต หยุดคิดมาก ที่เธอนั้นทําทุกวันเพื่อบริหารจิตใจแบบง่ายๆช่วยให้เราหยุดคิดมากได้ วันนี้ storymaker จึงได้นำวิธีการเหล่านั้นมาบอกเล่าให้กับทุกท่านได้ทราบกัน จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย
วิธีบริหารจิต ด้วยการทบทวนความคิดให้เป็นบวก
การทบทวนความคิดให้เป็นบวกในที่นี้ เราอย่าเอาไปรวมกับการที่แบบให้มองโลกสวยไปหมดทุกอย่าง อันนั้นเป็นการคิดบวกแบบไม่ค่อยจะดีนักเพราะเราจะมองอะไรแต่ด้านมุมเดียวเท่านั้น ซึ่งการทบทวนความคิดให้เป็นบวกในที่นี้จะช่วยให้เรานั้นประเมินเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตประจําวันของเราที่เราเจอว่า นอกจากที่เราคิดหรือมองในมุมแบบที่แย่ๆหรือแบบลบๆมันจะมีด้านมุมอื่น วิธีอื่นในการคิด ในการมองเกี่ยวกับสถานการณ์ตรงนั้น ให้เรามองตามความเป็นจริงได้หรือไม่ หรือความจริงเมื่อเรากลับเอาสติมาอยู่กับตัวแล้วสิ่งลบๆที่เราคิดมันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้
ตัวอย่างเช่น เราบ่นกับสามีของเราว่า โธ่เอ้ย ขี้เกียจตัวเป็นขนเลย นอนทั้งวัน ให้ฉันเหนื่อยคนเดียวทั้งทํางานบ้าน ทําอาหารการกิน แล้วก็ยังต้องเลี้ยงลูกอีก อยากจะ อยากจะลาออกจากการเป็นเมียของมันเสียจริง หึ! ช่วงโปรโมชั่นหมดแล้วสิน่ะ การบ่นหรือระบายแบบนี้อาจจะทําให้เรารู้สึกดีได้สักแป๊บหนึ่งแต่มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรแล้วเราก็มักจะคิดต่อไปว่า เราเกลียดสิ่งที่เป็นอยู่เสียจริง หรือคิดว่าเราจัดการมันได้แย่แค่ไหน
แทนที่จะมีความคิดลบๆแบบเมื่อกี้เราลองเปลี่ยนความคิดแบบนี้เป็นการทบทวนในเชิงบวกดู ตอนนี้เรากําลังหงุดหงิดมากเกินไปหรือเปล่านะ ที่สามีของเรานอนทั้งวันก็เห็นอยู่ว่าเขาทํางานตั้ง 6 วัน เหนื่อยตลอดๆวันหยุดเขาก็อยากนอนบ้างอะไรบ้าง ผ่อนคลายบ้าง ระหว่างสัปดาห์เขาก็ทําอะไรให้เราตั้งเยอะ
นักจิตบําบัดท่านนี้บอกว่ารูปแบบการคิดทบทวนเชิงบวกแบบนี้เป็นสิ่งที่บ่อยครั้งคนเรามักจะไม่ค่อยทํากันเวลาที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดอารมณ์ลบๆตรงหน้า แต่การทบทวนความคิดแบบนี้เป็นวิธีที่ง่ายและให้พลังในด้านบวกกับเรา ได้ช่วยบริหารจิตใจให้เรานั้นหยุดคิดมาก ช่วยให้เรานั้นหยุดความคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยได้ดีทีเดียว
เขียนเรื่องคิดมาก ลงบนกระดาษ
ให้เราลองเขียนเรื่องที่เราคิดมากลงบนกระดาษแล้วหันไปทําอย่างอื่นก่อนสักพัก ตามธรรมชาติของสมองเราหากมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหรือเรื่องอะไรก็ตามที่ทําให้เราต้องหนักใจ สมองก็จะมีปฏิกิริยาที่เข้าโหมดป้องกันตัวเองและมันจะหลั่งสารความเครียด ทําให้เราคิดมาก ฟุ้งซ่าน และเป็นกังวล ซึ่งบางคนหากเจอเรื่องที่ทําให้คิดหนัก เราก็อาจจะเสียศูนย์ได้ทําให้คิดอะไรไม่รอบคอบหรือตื่นตระหนกคิดมากเกินเหตุ
นักจิตบําบัดท่านนี้จึงพบว่าหากเราเขียนเรื่องที่มันทําให้เรานั้นต้องคิดมากลงบนกระดาษก่อนแล้วปล่อยมันทิ้งไว้สักพักหนึ่ง อาจจะเป็นสักชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง หากมันเป็นเรื่องที่เราต้องตัดสินใจวันนี้หรือทิ้งไว้เป็นวันเลยก็ได้หากมันเป็นเรื่องที่รอได้ เมื่อเราใจเย็นลงแล้วเมื่อเราโอเคแล้วค่อยกลับเอาเรื่องนั้นมาคิดต่อ มันจะทําให้เรามีเวลาเพียงพอที่จะตั้งสติและคิดอะไรให้รอบคอบมากขึ้นไม่คิดไปตามอารมณ์ Panic หรือความตื่นตระหนกของเรา
ตัวอย่างเช่น ภรรยาของเราไลน์มาบอกเรื่องบางเรื่องแล้วเราก็กดแบบแอบอ่านดูเพื่อไม่ให้เขารู้ เราก็พบว่าข้อความของเธอนั้นบอกกับเราว่าวันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วก็ส่งสติกเกอร์ที่เดาอารมณ์ได้ยากมาให้เรา แทนที่เราจะตื่นตระหนกร้อนตัวใจเต้นแรง หรือว่าเธอแอบเห็นเราในวันนั้น หรือว่าเธอเจอเงินที่เราซ่อนเอาไว้ แล้วเราก็รีบตอบข้อความของเธอไปแบบตื่นกลัวหรือเก็บเรื่องนั้นไปคิดมากจนไม่เป็นอันทําการทํางาน
ลองให้เราเขียนเรื่องนี้ลงในกระดาษของเรา แล้วเอามันทิ้งไว้อย่างนั้นสักพักก่อน แล้วเราก็หันไปทําอย่างอื่นสักพัก พอเราได้มีสติและก็ทบทวนแล้วว่า เอ้…เธอจะมาไม้ไหนน่ะ เราก็ค่อยจัดการทีหลัง ค่อยตอบออกไปอย่างสงบจิตสงบใจหรือวางแผนรับมือไว้
วิธีนี้ช่วยให้เราไม่ตัดสินใจหรือทําอะไรขณะที่กําลังอยู่ในอารมณ์ตื่นตระหนก แพนิค ฟุ้งซ่านหรือเก็บเรื่องนั้นมาคิดกังวลไปเรื่อยเปื่อยเพราะบางคนติดนิสัยคิดมากคิดเยอะคิดไปเองมโนไปก่อนและก็ชอบตอบสนองอะไรออกไปด้วยอารมณ์ใช่ไหม? เพราะสําหรับบางเรื่องที่สําคัญเราอาจจะต้องการเวลาที่จะตั้งสติก่อน เพราะฉะนั้นการเขียนลงบนกระดาษก่อนแล้วทิ้งมันเอาไว้สักพักจะเป็นการให้เราได้มีระยะเวลาเพียงพอที่จะตั้งสติแล้วตอบสนองออกไป
ฝึกการขอบคุณแบบเฉพาะเจาะจง
ให้เราฝึกการขอบคุณแบบเฉพาะเจาะจง ในทางจิตวิทยาเรารู้กันอยู่แล้วว่าการแสดงความรู้สึกขอบคุณสามารถเพิ่มความสุขของเราได้ แต่นักจิตบําบัดพบว่าการรู้สึกขอบคุณแบบซ้ําๆเดิมๆซ้ําแล้วซ้ําเล่าอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ทําให้เรานั้นรู้สึกแย่ได้และทําให้ผลที่ดีต่อจิตใจนั้นลดลงได้ ดังนั้นเราลองฝึกการขอบคุณแบบเฉพาะเจาะจงดู
ตัวอย่างเช่น แทนที่เราจะเขียนในบันทึกประจําวันของเราทุกวันว่า ฉันรู้สึกขอบคุณสําหรับสุขภาพร่างกายของฉันแล้วก็ลองมาเปลี่ยนเขียนประมาณว่า ฉันรู้สึกขอบคุณที่วันนี้ฉันตื่นมาโดยไม่มีอาการปวดหลังเลย และสามารถออกกําลังกายอย่างต่อเนื่องในวันนี้ได้
สิ่งนี้ช่วยให้เรานั้นจดจ่อกับวันนี้แทนที่จะทําให้เรานั้นคิดมากเรื่อง นามธรรม ทั่วไปหรือแบบให้เราทําการขอบคุณเพื่อให้มันเสร็จๆไปในแต่ละวัน การขอบคุณแบบเฉพาะเจาะจงช่วยให้เราโฟกัสสิ่งที่เราได้รับมาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ทําให้เรารู้จักคุณค่าของสิ่งที่ได้รับมากขึ้น ช่วยปรับจิตใจของเราให้มีความสมดุลทางอารมณ์ ได้ดีขึ้นอีกด้วย
ลองนําทั้ง 3 วิธี นี้ไปปรับใช้กันดูนะ แบบไหนที่เราชอบก็ลองนําไปทําทุกวัน มันก็อาจจะช่วยเราได้ ทั้ง 3 วิธี ก็เป็นวิธีที่ง่ายๆทํากันได้ทุกคน ทั้งวิธีทบทวนความคิดให้เป็นบวก วิธีเขียนเรื่องที่ทําให้เราคิดมาก ลงบนกระดาษแล้วหันไปทําอย่างอื่นก่อนสักพัก และวิธีฝึกการขอบคุณแบบเฉพาะเจาะจง
สนับสนุนบทความโดย :: vip168sa