มนุษย์เรารู้จักการเลี้ยงสัตว์มาอย่างยาวนาน มีภาพหลักฐานทางประวัติศาสตร์ปรากฏอยู่ตามถ้ำโบราณ ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของโลกนั่นก็คือ สุนัข รองลงมาคือแมว แต่เพราะแฟชั่นในยุคนี้ก็ยังมีสัตว์อีกหลายสายพันธุ์ที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงและในวันนี้เรา storymaker จะมาพูดถึง 7 สัตว์เลี้ยงมาแรง แปลก ดุ แพง ที่คุณอาจไม่เคยเห็น
สัตว์เลี้ยงมาแรง สุดแปลก มีอะไรบ้าง
1. Sea Bunny หรือกระต่ายทะเล
Sea Bunn แท้จริงแล้วก็คือทากนั่นเอง ซึ่งลักษณะของมันคล้ายกระต่ายตัวน้อยที่มีขนฟูฟ่อง มีหูยาวๆสองข้างแถม มีหางด้วย ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมและหลงใหลกันมากในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น ซีบันนี่หรือกระต่ายทะเลสิ่งมีชีวิตเล็กๆตัวนี้สามารถพบเจอได้ในบริเวณ มหาสมุทรอินเดีย ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งกระต่ายทะเลจะมีขนาดยาวประมาณ 2 เซนติเมตร นอกจากนี้พวกมันยังมีสีสันที่แตกต่างกันอีกด้วย เช่น สีขาว สีเหลือง ขาวดำ เป็นต้น ส่วนหูของกระต่ายทะเลตัวนี้ ทำหน้าที่เป็นจมูกที่เอาไว้ช่วยในการตรวจจับสิ่งรอบๆตัว เป็นประสาทสัมผัสกลิ่นและรสในน้ำทะเล เพื่อใช้หาอาหารรวมถึงการหาคู่ด้วย
2. Caracal
Caracal เป็นแมวป่าขนาดกลางที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าสิงโต เสือ เสือดาว ที่เป็นสัตว์ประเภทแมวป่า แม้ว่าจะเป็นแมวไซส์เล็กแต่หนักสูงสุดได้ถึง 50 ปอนด์ และยังรวดเร็วเป็นญาติกับเสือไฟ สีของมัน มีสีเบจและเกือบจะสีแดง ลักษณะหางจะสั้นและหูสีดำที่เป็นเอกลักษณ์ Caracal สามารถไต่ต้นไม้ได้และยังสามารถขุดโพรงเพื่อเลี้ยงลูกได้อีกด้วย
ในสมัยโบราณแคราแคลถูกฝึกให้ใช้ล่าสัตว์สำหรับมนุษย์ เพราะมันกระโดดได้สูงและรวดเร็ว ด้วยความที่มันเป็นแมวป่าจึงทำให้แมวพวกนี้เล่นแรงมากๆ เล็บทั้งใหญ่ทั้งคม ฟันแหลม โดยราคาจะอยู่ที่ 100,000 ถึง 250,000 บาท และยังต้องมีใบอนุญาตในการเลี้ยงอีกด้วย
3. Fennec Fox
อาจจะเป็นที่คุ้นตาของใครหลายคนกับเจ้าแฟนเน็ตฟ็อกซ์ สุนัขจิ้งจอกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีขนาด 15 เซนติเมตร หนักแค่ 1-1 กิโลครึ่ง อายุเฉลี่ยประมาณ 16 ปี เดิมอาศัยที่ทะเลทรายซาฮาร่า อยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ กินได้ทั้งพืชและสัตว์ อย่างแมลงขนาดเล็ก รักความสันโดษ มักส่งเสียงในเวลากลางคืน สามารถหาซื้อได้จากฟาร์มที่ได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ ได้รับความนิยมจนมีคาเฟ่หมาจิ้งจอกและมีแฟนเพจคนรักแฟนเน็คฟ็อกซ์อีกด้วย
โดยแฟนเน็ตฟ็อกซ์แรกเกิดมีราคาถึง 65,000 บาทเลยทีเดียว หากเปรียบกับสัตว์เลี้ยงทั่วไปแฟนเน็ตฟ็อกซ์จะมีลักษณะคล้ายสุนัขผสมแมว เพราะบางเวลาก็ชอบอยู่แบบสันโดษ แต่ก็มีความกระตือรือล้นพอตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนอน และความซุกซนจะไม่ลดลงตามอายุเลย
แม้แฟนเน็ตฟ็อกซ์จะชอบความสันโดษอยู่บ้างแต่ถ้าหากนำมาเลี้ยงก็ควรจะมีเวลามากพอให้กับสุนัขตัวนี้ด้วย เพราะไม่อย่างนั้นสุนัขจะไม่เชื่องและก้าวร้าว
4. Sulcata Tortoise
เต่ายักษ์ซูคาต้าสัตว์แปลกที่หน้าตาน่ารัก ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก เป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก โตเต็มที่นั่นใหญ่ได้ถึง 36 นิ้ว อายุยืนกว่า 70 ปี ทำให้ต้องเลือกสถานที่ที่กว้างในการเลี้ยงและมีอุณหภูมิพอเหมาะที่ 30 ถึง 35°C
แม้เต่ายักษ์ซูคาต้าจะมีแหล่งกำเนิดอยู่ไกลถึงเอธิโอเปียและซูดาน แต่ก็มีฟาร์มเพาะขายที่ไทยแล้ว โดยตัวเล็กๆมีราคาตั้งแต่พันต้นๆ ขณะที่ไซส์ใหญ่ๆมีราคาหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว
5. Chinchilla
ชินชิล่าหนูตัวเล็กๆที่มีลักษณะอ้วนกลม จนเหมือนกระต่าย มีหลายสี ทั้งเทา เทาอ่อน หางยาว มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศเปรูและประเทศอาร์เจนตินา ชอบอยู่เป็นกลุ่ม จะหลับตอนกลางวันและตื่นตัวในเวลากลางคืน ค่อนข้างร่าเริงชอบปีนป่ายและกระโดด ชอบอากาศเย็น กินหญ้าอัลฟาฟ่าและอาหารเม็ดเฉพาะของชินชิล่า ใช้ฝุ่นอาบน้ำเฉพาะของชินชิล่า
ส่วนเรื่องราคาของชินชิล่าจะขึ้นอยู่ที่สี ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ชินชิลล่าเป็นสัตว์ที่ค่อนข้าง ซุกซน ขี้เล่น เชื่อง ง่าย จะไม่กัดคน ถ้าจะกัดก็น่าจะเป็นลักษณะลองงับดูว่าเราเป็นอาหารของเขารึเปล่า เพราะบางทีอาจมีกลิ่นอาหารติดมือเรา แต่ก็มีบ้างที่หงุดหงิดแต่ไม่เป็นลักษณะที่กัด แค่เพียงใช้มือปัดเราออกไป ดังนั้นในกรณีที่ชินชิล่ากัดนั่นคือ
- เป็นคนที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเข้ามาจับจะมีสัญชาตญาณในการป้องกันตัวโดยธรรมชาติจึงอาจถูกกัดได้
- มีกลิ่นอาหารติดอยู่ที่มือแล้วเอามือไปเล่นกับเขา เขาก็จะนึกว่านี่คืออาหาร แต่เป็นลักษณะที่งับเบาๆ ไม่ถึงกับกัดเข้าเนื้อแต่ส่วนใหญ่แล้วชินชิล่าเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเชื่องและไม่ทำร้ายคน
6. Raccoon
แรคคูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทกินเนื้อ เดิมมีถิ่นที่อยู่อาศัยในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง หลายคนคิดว่าแรคคูนเป็นสัตว์ป่า แต่จริงๆแล้วแรคคูนเป็นสายชิว อาศัยได้ทุกพื้นที่ตั้งแต่ในป่าลึกจนถึงในเมืองใหญ่ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ แถมยังกินอาหารได้หลากหลาย
แต่มื้ออาหารที่โปรดปรานอย่างมากก็คือเมื่อเจ้าตัวได้ออกไปลุยจับสัตว์น้ำ เช่น ปลา ปู กุ้ง กบ และเต่าขนาดเล็ก ด้วยตัวเอง แรคคูนเป็นสัตว์ฉลาดและซุกซนช่วงแรกๆที่รับมาเลี้ยงจึงต้องมีกรงที่แข็งแรง เรียกได้ว่าเตรียมพื้นที่ชนิดรั้วรอบขอบชิดได้ยิ่งดี เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าตัวแสบจะมีโอกาสหลุดจากกรงมาสร้างความปั่นป่วนได้อย่างแน่นอน
โดยหากเจ้าตัวแรคคูนยังมีอายุน้อย เจ้าของต้องขยันเก็บกวาดบ้านให้เรียบร้อย ถ้าหากมีอายุโตขึ้นแน่นอนว่า เบาะ โซฟา ข้าวของต่างๆจะต้องพังกระจายอย่างแน่นอน ในปัจจุบันมีคนสนใจอยากรับเจ้าจอมซนแบบนี้มาดูแลเป็นจำนวนมาก แต่จะต้องเลือกเฉพาะตัวที่มีการเพาะพันธุ์ใหม่สำหรับเป็นสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการจับแรคคูนมาจากป่าโดยราคาจะอยู่ที่ 20,000 ถึง 35,000 บาท
นอกจากนี้ก่อนจะรับแรคคูนเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวจะต้องทำความรู้จักนิสัยใจคอกันให้ดีเสียก่อน เพราะแน่นอนว่าเจ้าตัวแสบก็ต้องการความรักและความเอาใจใส่ไม่แพ้กับน้องหมากับน้องแมวเช่นกัน
7. Prairi Dog
แพรี่ด็อก กระรอกดินชนิดหนึ่งคล้ายกับหมีตัวจิ๋ว มีหางไม่ยาว อายุขัยประมาณ 7-12 ปี ซึ่งมีราคาราว 3,000 ถึง 6,000 บาท ส่งเสียงร้องคล้ายสุนัข ชอบอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ไม่งั้นจะเหงาตาย ตอบสนองคนเลี้ยงได้ดี สามารถจูงเดินเล่นได้ กินอาหารของกระต่ายและแฮมสเตอร์ได้ รวมทั้งหญ้าทิโมธี
แพรี่ด็อกเป็นสัตว์สังคมมากๆเลี้ยงตัวเดียวแล้วไม่ยุ่งกับเขาไม่ได้เด็ดขาด ต้องให้มีเพื่อนโดยเลี้ยงเป็นคู่ซึ่งก็ต้องเตรียมใจแบกรับค่าใช้จ่ายและภาระที่เพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่เราก็ต้องเล่นเอง ซึ่งแพรี่ด็อกต้องการเวลาของเราอย่างน้อย 1ชั่วโมง และต้องปล่อยให้วิ่งเล่น 2- 4 ชั่วโมงต่อวัน
ถ้าตัดเรื่องความดื้อของแพรี่ด็อกออกไปเรียกได้ว่ามันเป็นสุนัขขนาดเล็กได้เลย สอนอะไรก็จำได้อย่างรวดเร็ว รู้จักปรับตัวได้ดี แพรี่ด็อกสามารถเห่าได้ตามชื่อของเขา เช่น กลับมาถึงบ้านก็จะเห่าเรียกแค่ครั้ง สองครั้ง เรียกชื่อก็สามรถเห่าขานรับได้หรือเวลาขังกรงไม่พอใจก็อาจจะเห่าประท้วงเล็กน้อย แต่จะไม่เห่าพร่ำเพรื่อเหมือนสุนัข เพียงแต่ถ้าเลี้ยงในคอนโดที่มีความเข้มงวดเรื่องสัตว์มากๆก็อาจจะปิดไม่อยู่ เพราะเสียงเห่าของแพรี่ด็อกดังในระดับนึงเลยทีเดียว
สนับสนุนโดย ufabet777s
