Thursday, 18 April 2024

5 ปมปริศนา “เมเทโอรา” ยอดผาแห่งประวัติศาสตร์

02 Dec 2022
251

หากได้ยินคําว่ายอดผาสูง เชื่อว่าสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักคิดถึงน่าจะเป็นภูเขา หน้าผาที่มีความสูงเป็นหลัก แต่สําหรับ เมเทโอรา กลับเป็นที่ตั้งของอาศรมหรือที่พักของเหล่าพระและนักบวชผู้ใฝ่สันติเป็นหลัก มีคําถามมากมายเกิดขึ้นว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยวิธีการแบบไหนและพวกเขาขึ้นไปอาศัยอยู่ใช้ชีวิตอยู่บนนั้นได้อย่างไร วันนี้เรา storymaker จะพาไปติดตามกันได้ในไข 5 ปมปริศนา เมเทโอรา ยอดผาแห่งประวัติศาสตร์

เรื่องราวของ เมเทโอรา

1. ศูนย์รวมพระ และนักบวช

นับกว่าพันปีมาแล้วโขดหินสูงชันบดบังด้วยเทือกเขาพินดอสในประเทศกรีซ เป็นที่พักพิงของเหล่าพระและนักบวชผู้ใฝ่ในสันติ และสันโดษ เพื่อใคร่ครวญไตร่ตรองถึงพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า โดยมีโขดหินมหึมาผุดขึ้นจากพื้น 24 โขด ซึ่งอยู่บริเวณตอนกลางภาคเหนือของประเทศกรีซ แรงลมและฝนกัดกร่อนโขดหินจนเป็นรูปทรงหน้าพิศวง เสียงสวดและภาวนาของชนผู้เคร่งในศาสนาสะท้อนก้องกับหมู่โขดหินเรื่อยมา ทั้งนี้เพราะคณะสงฆ์กลุ่มนี้ได้เลือกพำนักอย่างหมิ่นเหม่อยู่บนโขดหินอันเก่าแก่นี้มาตั้งแต่ทศวรรษที่9 โขดหินเมเทโอราเหล่านี้เป็นหินทรายผสมหินกรวดมน ซึ่งเกิดจากเศษ หิน น้ํา กัดกร่อนจนสึกกร่อน และมีซีเมนต์ธรรมชาติผสานให้เกาะติดกัน โขดหินนี้เกิดขึ้นเมื่อ 60 ล้านปีที่แล้ว

2. คาดว่าที่แห่งนี้ อดีตเคยเป็นทะเล

เฮอรอโดทัสนักประวัติศาสตร์ชาวกรีซบันทึกไว้เมื่อ 500 ปีก่อนคริตกาล ชาวบ้านแถบนั้นเชื่อกันว่าครั้งหนึ่งที่ราบเทสซาลี เคยเป็นทะเลที่มีฝั่งซึ่งมีโขดหินล้อมรอบ หากเรื่องดังกล่าวเป็นจริงก็คงเคยมีน้ําท่วมใหญ่ตอนปลายยุคน้ําแข็งครั้งสุดท้าย คือประมาณ 8000 ปีก่อนคริสตกาล แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าในบริเวณนี้ทําให้พื้นมหาสมุทรผุดสูงขึ้นจนเป็นที่ราบสูง รอยเลื่อนเป็นจํานวนมากเกิดขึ้นเป็นหินทรายก้อนหนาๆ ก้อนหินทรายที่เกิดจากรอยเลื่อนนี้ ยืนโต้น้ําโต้ลมและความร้อน รวมไปถึงหนาวสุดขีดจนกลายเป็นโขดหินมหึมาที่มีรอยตะเข็บตามแนวนอน

นักธรณีวิทยาเชื่อว่ารอยเหล่านี้เกิดจากการกระทําของน้ําทะเลในยุคก่อนประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตามเฮอรอโดทัสไม่ได้กล่าวถึงโขดหินเหล่านี้เลยและไม่มีนักเขียนชาวกรีกโบราณคนไหนบันทึกเกี่ยวกับโขดหินเหล่านี้ด้วย การที่ไม่มีผู้เอ่ยถึงโขดหินเมเทโอราเป็นเรื่องประหลาด ทําให้หลายคนถือเอาหลักฐานว่า โขดหินนี้ไม่ได้ปรากฏอยู่เมื่อสองพันปีก่อนหน้านี้ แต่นักธรณีวิทยาปัจจุบันไม่ยอมรับข้ออ้างนี้

3. ฤาษีเป็นชุมชนแรกที่เข้ามาอยู่

ชุมชนกลุ่มแรกซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมเทโอรา คือฤาษีผู้หลบแดดหลบลมอยู่ตามโพรงและช่องในโขดหินสูง ซึ่งหลายแห่งสูงเหนือน้ําเหนือพื้นราบถึง 550 เมตร ความที่โขดหินเหล่านี้สูงมากและมีหน้าผาชัน ทําให้ไม่มีใครล่วงล้ําเข้าไปในที่บําเพ็ญภาวนาของเหล่าฤาษีได้ นอกเสียจากผู้ที่ตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่สุด ในระยะแรกฤาษีเหล่านี้อยู่กันแบบสันโดษและจะมาชุมนุมกันเฉพาะวันอาทิตย์และวันฉลองพิเศษเพื่อทําพิธีบูชาและสวดภาวนาในโบสถ์ที่สร้างไว้ ณ เชิงโขดหินชื่อ Dupiani เท่านั้น

4. กษัตริย์เซอร์เบีย และชาวเติร์ก ต่างแย่งครองดินแดนนี้

เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่14 อํานาจของจักรพรรดิ Byzantine Empire ที่ปกครองกรีกตอนเหนือมาถึงแปดร้อยปี ก็ถูกคุกคามหนักขึ้น กษัตริย์เซอร์เบียและผู้รุกรานชาวเติร์กต่างแย่งชิงดินแดนที่ราบเทสซาลีอันอุดมสมบูรณ์ ชุมชนทางศาสนาของผู้รักสันติทั้งหลายจึงตกอยู่ในอันตราย ต่อมาในปี 1344 คนจากชุมชนเขาเอ็กทอสนําพรรคพวกมาที่เมเทโอราระหว่างปี 1356-1377 พวกเขาได้จัดตั้งอาราม Great Meteoron ขึ้นบนยอดหิน Broad Rock ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสําหรับนักบวชกลุ่มนี้ เพราะปลอดภัยจากความวุ่นวายทางการเมือง และจุดนี้นักบวชสามารถควบคุมเส้นทางเข้าสู่อารามได้อย่างเต็มที่ ผู้มาเยือนจะต้องไต่บันไดลิงซึ่งทอดลงมายาวมากขึ้นไปและเมื่อไรที่พวกนักบวชรู้สึกว่าจะมีอันตรายก็จะชักบันไดขึ้น

ใน ค.ศ.15 และ 16 ที่พักซึ่งจัดสรรจัดสร้างขึ้นอย่างง่ายๆไม่กี่หลังก็ไม่เพียงพอสําหรับผู้มาหลบภัยที่เมเทโอรา จึงมีการสร้างอาคารขนาดใหญ่ขึ้นและการเดินทางขึ้นลงจากบันไดลิงก็เปลี่ยนมาเป็นแหตาข่ายและเชือกชักขึ้นลงด้วยการกว้านซึ่งติดอยู่กับโครงเหนือผาหิน ชาวรัสเซียผู้หนึ่งบรรยายถึงการเดินทางขึ้นเขาด้วยตาข่ายนี้ไว้ในปี 1896 ว่า เป็นการขึ้นอันแสนทรมาน เชือกแกว่งไปแกว่งมาตลอดเวลาชักข้าพเจ้าขึ้นไปจนถึงยอดผาในที่สุดแต่การผจญภัยอันน่ากลัวก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะขณะที่เขาชักข้าพเจ้าขึ้นไปสู่ลานไม้ ตัวข้าพเจ้าก็พลิกกลับไปบนเหวลึก ข้าพเจ้าตกใจกลัวจนต้องหลับตาแน่นและเกือบจะสิ้นสติ ปัจจุบันนี้มีการเจาะบันไดซึ่งดูไม่น่าหวาดเสียวนักเอาไว้ 115 ขั้นบนหน้าผา เป็นการขึ้นสู่ยอดโขดหิน

5. จุดก่อตั้งนิกายเคร่งครัด

ในปี 1517 นักบวช Nectraios และ Thephanes ได้ช่วยกันสร้าง อาราม Varlaam โดยตั้งชื่อตามฤาษีท่านหนึ่งผู้เลือกสถานที่แห่งนี้ในการบําเพ็ญพรต ต่อมาในศตวรรษที่ 14 นักบวชทั้งสองท่านจึงก่อตั้งนิกายเคร่งครัดที่สุดขึ้นนิกายหนึ่ง ณ อารามแห่งนี้ ซึ่งสิ่งที่นักบวชในนิกายต้องปฏิบัติคือการสวดมนต์ภาวนาในเวลากลางคืนเป็นเวลานานและการเคี่ยนตีตัวเอง

อาราม Varlaam ยังมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นประดิษฐานพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ถึงสองชิ้น คือนิ้วมือของนักบุญจอห์น และกระดูกสะบักของนักบุญแอนดรูว์ แม้ว่าอารามนี้จะมีแบบเรียบง่ายแต่ในโบสถ์ออเซ็นและโบสถ์ทรีไฮเออลักซ์มีจิตรกรรมฝาผนังประดับอยู่ ภายในโบสถ์ออเซ็นในปี 1548 มีภาพประวัติของพระเยซูและพระแม่มารี ภาพดังกล่าวรวมทั้งภาพที่มีความงดงาม เมื่อปี 1547 เป็นภาพชาวเกาะกรีซเป็นตัวอย่างให้เข้าใจถึงรูปแบบและเทคนิคการวาดรูปภาพสีปูนเปียกของจิตรกรได้อย่างลึกซึ้ง ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่13-16 มีอารามแบบนี้ถึง 24 แห่ง บนพื้นที่อันจํากัดของเมเทโอรา โดยอารามแต่ละแห่งมีอาคาร 1-2 หลัง ซึ่งใช้เป็นที่พํานักของนักบวช โรงอาหาร โบสถ์หรือวิหารอารามบางแห่งก็มีห้องสมุดด้วย ทุกวันนี้มีอารามเพียง 5 แห่งเท่านั้นที่ไม่ได้เป็นอารามร้าง

สนับสนุนบทความโดย :: pgslot168th