วันนี้เรา storymaker ได้นําบทเรียนจากหนังสือน่าอ่านที่มีชื่อว่า The Miracle Morning หรือชื่อภาษาไทยจากสํานักพิมพ์ Be Media คือ ทุกอย่างจะดีขึ้น เมื่อคุณตื่นเช้า ผู้เขียนคือคุณ Hal Elrod ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเอง ในหนังสือเล่มนี้เขาจะพูดถึงนิสัย 6 อย่าง ที่เราควรทําตอนเช้าหรือหลังตื่นนอนที่มันจะเปลี่ยนชีวิตเราให้มีคุณภาพและดีมากยิ่งขึ้น
ลองติดตามดูกันได้กับ 6 นิสัยหลังตื่นนอนเปลี่ยนชีวิตที่ผู้เขียนเขาเรียกรวมกันว่าหลักปฏิบัติ The Live S.A.V.E.R.S ที่แปลว่าผู้กอบกู้หรือผู้ช่วยให้ปลอดภัย S.A.V.E.R.S ผู้เขียนเขาเอาคําเหล่านี้มาเป็นลูกเล่นที่จะบอกถึง 6 นิสัยหลังตื่นนอนเปลี่ยนชีวิต โดยเขาเอาตัวภาษาอังกฤษแต่ละตัวแทนคําของนิสัยทั้ง 6 อย่าง
The Miracle Morning กับ นิสัยทั้ง 6 อย่าง The Live S.A.V.E.R.S
เริ่มที่ตัวแรก คือตัว S คือ Silence ที่แปลว่าความเงียบ นิสัยแรกก็คือให้ตัวเองอยู่กับความเงียบ หลังตื่นนอนแทนที่เราจะกดเปิดเพลงเสียงดัง ดูคลิป TikTok ส่องเฟซ ไอจี โพสต์ที่เราโพสต์เมื่อคืน อย่าเพิ่งแตะโทรศัพท์เลย
เพราะมีงานวิจัยบอกว่าความเงียบสามารถปลดปล่อยความตึงเครียดในสมองและในร่างกายของเราได้ ความเงียบช่วยผ่อนคลายได้มากกว่าการฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายเสียอีก ซึ่งความเงียบนั้นช่วยปรับระดับความสมดุลของความดันเลือดและระดับการหมุนเวียนของเลือดในสมองอีกด้วย
และความเงียบนั้นก็ยังมีส่วนสําคัญในการสร้างความจําระยะยาวและการเรียนรู้ ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ของเราได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นอยากชวนให้เรานั้นลองใช้เวลาหลังตื่นนอนอยู่กับความเงียบเพื่อช่วยลดระดับความเครียด เพื่อให้เรานั้นเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสงบ ชัดเจนและสบายใจ
ทําให้เรานั้นสามารถจดจ่อกับสิ่งสําคัญได้ กิจกรรมที่เราสามารถทําเพื่ออยู่กับความเงียบ ก็อย่างเช่น การทําสมาธิ สวดมนต์ อธิษฐานสักครู่ ฝึกจดจ่อลมหายใจ ลองนึกถึงสิ่งที่เราอยากขอบคุณในเช้านี้หรือการยืดเส้นเบาๆก็ได้หรือแม้กระทั่งการนั่งเฉยๆไม่ทําอะไรเลยสักพักท่ามกลางความเงียบแต่อย่าเผลอหลับอีกเชียวเดี๋ยวจะสายไม่ทันไปทํางานหรือไปเรียนกัน หากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทําให้เราอยู่กับความเงียบก็ลองดูนะ
ต่อมานิสัยที่ 2 ตัว A คือ AFFIRMATIONS ที่แปลว่าการยืนยัน นิสัยนี้คือการย้ําเตือนตัวเองถึงวิสัยทัศน์ของเรา เช่น ตัวตนที่เราอยากจะเป็น สิ่งที่เราอยากจะทํา โดยเขาให้เราลองทําแบบง่ายๆ โดยเริ่มแรกให้เราเขียนคําๆนั้นที่เราอยากจะเป็นหรือสิ่งที่เราอยากจะทําแล้วใส่เหตุผลว่าทําไมมันถึงสําคัญกับเรา? และเอาสิ่งนั้นที่เราเขียนไว้มาอ่านทุกเช้าหลังตื่นนอนอย่างสม่ําเสมอ
เราอาจจะเติมคําที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเราคําที่เสริมกําลังใจลงไปให้เราอ่านหรือมองเห็นมันทุกวันให้มันซึมซับและย้ําเตือนเรา สิ่งนี้มีผลทางจิตวิทยาถ้าเราได้เห็นสิ่งใดซ้ําๆเราก็จะเชื่อไปตามนั้นแล้วเราจะมีความมุ่งมั่นไม่ออกนอกลู่นอกทางมันเหมือนกับการที่เราเขียนเป้าหมายของเราติดเอาไว้ในที่ที่เราเห็นมันได้ชัดเจนนั่นเอง
ต่อมานิสัยที่ 3 ตัว V Visualization ที่แปลว่า การนึกภาพ นิสัยนี้เกี่ยวโยงกับนิสัยที่ 2 เมื่อสักครู่ คือการที่เราสามารถจินตนาการภาพของตัวตนที่เราอยากเป็นหรือสิ่งที่เราต้องการ ทําให้เราเชื่อว่าเราต้องทํามันได้ สิ่งนี้ทางวิทยาศาสตร์บอกว่า เป็นเคล็ดลับการฝึกสมองให้สร้างจินตนาการที่ท้าทาย ยิ่งคุณจินตนาการภาพได้ชัดเจนเท่าไร คุณก็ยิ่งเข้าใกล้ความสําเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น
วิธีนี้ต่างเป็นวิธีฝึกสมองของนักกีฬาระดับโลกที่พวกเขาใช้กัน พวกเขาใช้การจินตนาการภาพเสมือนจริงเพื่อสร้างบรรยากาศความคุ้นเคยก่อนลงแข่งขันให้ได้มากที่สุดนั่นเอง อย่างเรื่องราวของนักวิ่งที่ประสบอุบัติเหตุที่ทําให้ต้องนอนอยู่โรงพยาบาล เขาอยากจะกลับไปวิ่งอีกครั้งหนึ่งแต่ร่างกายตอนนี้ของเขาก็ไม่ค่อยไหวเขาจึงนึกภาพว่าเขากําลังซ้อมวิ่งทุกวัน ได้วิ่งทุกวัน พอเขานึกภาพแบบนี้ตลอด ตอนที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลอาการของเขาก็ดีขึ้นไวกว่าคนปกติทั่วไปและในที่สุดเขาก็กลับลงไปวิ่งได้อีกครั้งและดีกว่าเดิมด้วย
ซึ่งการนึกภาพแบบนี้คือความคิดที่เราสร้างให้กับตัวเราเอง เหมือนหนังสือที่ชื่อว่า Asnamen Think ที่บอกว่า คุณคิดกับตัวเองอย่างไร คุณก็จะเป็นในแบบนั้น ความคิดมีอิทธิพลอย่างมากต่อตัวคุณ เพราะฉะนั้นอยากให้ตัวเองเป็นคนแบบไหน อยากประสบความสําเร็จในเรื่องใด เริ่มที่ความคิดที่ดีที่มีกับตัวเองในแต่ละเช้าลองปล่อยใจให้สบายแล้วนึกถึงภาพนั้นภาพความสําเร็จของเรา แต่ให้มันอยู่บนความเป็นจริงและเริ่มลงมือทําตามภาพฝันนั้นด้วย เพราะหากเราไม่ลงมือทํามันก็เปล่าประโยชน์
ต่อมานิสัยตัวที่ 4 ตัว E คือ Exercise แน่นอนก็คือการออกกําลังกายหลังตื่นนอน การออกกําลังกายช่วยให้ร่างกายสดชื่น สร้างสมาธิระหว่างวันให้พร้อมลุยได้ ออกกําลังกายตอนเช้าๆเบาๆสัก 5-10 นาที ก็ได้
ต่อมานิสัยตัวที่ 5 คือ ตัว R ตัวอาร์คือ Reading อ่านหนังสือ ลองหาหนังสือที่เราอยากอ่านสักเล่มลองใช้เวลายามเช้าหรือหลังตื่นนอนแบบนี้อ่านหนังสือสัก 10-15 หน้าต่อวันดู ลองคิดดูเล่นๆหากเราอ่านวันละ 10 หน้า นั่นจะทําให้เราอ่านได้ถึง 3652 หน้า ในหนึ่งปี ตีหนังสือเป็นเล่มถ้าเล่มหนึ่งมีจํานวนหน้า 200 หน้า เราก็จะอ่านได้ 80 เล่มทีเดียว
นิสัยตัวที่ 6 คือ S มาจาก Scribing หรือการเขียนนั่นเอง การเขียนในที่นี้คือการเขียนบันทึกประจําวันหรือเขียนแบบคําขอบคุณเขียนรายการสิ่งที่เราต้องทําหรือเขียนความคิดบันทึกความฝันอะไรก็ได้ที่เราอยากเขียน จะเขียนในไหนก็แล้วแต่สบายใจ ใน iPad ในสมุด ในกระดาษหรือพิมพ์เอาก็ได้ แต่จะให้ดีเขียนในกระดาษหรือสมุดแบบจะดีกว่า เพราะหากใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เดี๋ยวก็เจอแจ้งเตือนต่างๆและก็อดใจไม่ได้อีกที่จะกดเข้าไปดูมัน
การทําทั้ง 6 นิสัยนี้ยามเช้าหรือหลังตื่นนอน เราอาจจะแบ่งเวลาทําในแต่ละนิสัยก็ได้ อย่างเช่น อยู่กับความเงียบสัก 5 นาที เขียนเป้าหมายและนึกภาพความสําเร็จสัก 5 นาที ออกกําลังกายสัก 15 นาที อ่านหนังสือสัก 20 นาที เขียนสัก 5 นาที ก็ได้ จัดแจงได้ตามความสะดวกของเราจะมากจะน้อยกว่านี้ก็ได้ หรือในตอนแรกๆกําลังใหม่อยู่เราอาจจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ก็ได้ เอาสัก 2 นาที 2 นาที แรกลองนั่งเงียบเงียบ ทําสมาธิ 2 นาที ถัดมารับรู้ความคิดของตัวเอง ถัดมาจินตนาการถึงความสําเร็จที่เราจะทําในวันนี้ ถัดมาเขียนสิ่งที่รู้สึกดีและสิ่งที่อยากทําในระหว่างวัน ถัดมาอ่านหนังสือสัก 2-5 หน้าก็ได้ ถัดมาลองกระโดดตบสัก 5 ครั้ง วิดพื้น 5 ครั้งห้าก็ได้ก็ลองนําไปปรับใช้และทํากันดูนะหลังตื่นนอนแทนที่จะใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์กับเรา ลองเปลี่ยนนิสัยเล็กๆแบบนี้ อาจจะช่วยเราได้ในหลายหลายด้านของชีวิต
สนับสนุนบทความโดย :: pgslot77